โบรกเกอร์ Forex

โบรกเกอร์ Forex คืออะไร?

โบรกเกอร์ Forex คือบริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินตราต่างประเทศ โดยอาจจะมีแพลตฟอร์มซื้อขายของตัวเองโดยเฉพาะ หรืออาจจะใช้แพลตฟอร์มซื้อขายจากบริษัทอื่นอย่าง MT4 , MT5 หรือ Ctrader ก็ได้ นักลงทุนรายย่อยที่จำนวนเงินไม่มากจะไม่สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินกับธนาคารได้โดยตรง เนื่องจากการซื้อขายกับธนาคารหรือ LP (Liquidity Providers) จะต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้อขายแลกเปลี่ยนในแต่ละครั้ง นักลงทุนรายย่อยจึงต้องเปิดบัญชีเทรดกับโบรกเกอร์เพื่อเข้าถึงตลาดสกุลเงินแทน เพราะจุดเด่นของโบรกเกอร์คือ ใช้เงินลงทุนต่ำ สามารถเปิดบัญชีซื้อขายได้ง่าย และที่สำคัญคือมี เลเวอเรจ (Leverage) เพื่อช่วยเพิ่มกำลังซื้อขายให้กับนักลงทุนรายย่อยได้

what is a Forex Broker

โบรกเกอร์ Forex มีกี่ประเภท (Forex Broker Type)

1.โบรกเกอร์แบบ DD (Dealing Desk Broker) หรือเรียกอีกแบบว่า Market Maker

2.โบรกเกอร์แบบ NDD (No Dealing Desk Broker) แยกย่อยได้อีก 2 แบบ คือ Straight Through Processing (STP) และ Electronic Communication Network + Straight Through Processing (ECN+STP)

วิธีการเลือกโบรกเกอร์ Forex

1.โบรกเกอร์จะต้องมีใบอนุญาติหรือมีหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ASIC (ออสเตรเลีย) , FCA (อังกฤษ) , NFA (สหรัฐอเมริกา) , FSA (ญี่ปุ่น) , FMA (นิวซีแลนด์) , IFSC (เบลีซ) , Cysec (ไซปรัส) , MAS (สิงคโปร์) , FSA (เซเชลส์) , BaFin (เยอรมัน) , FSC (หมู่เกาะเวอร์จิน) , CIMA (หมู่เกาะเคย์แมน) , CNB (สาธารณรัฐเช็ก) , CNMV (สเปน) เป็นต้น

2.ซัพพอร์ตออนไลน์ 24/7 หรือ 24/5 การซัพพอร์ตลูกค้าถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ของโบรกเกอร์ที่ดี ยิ่งโบรกเกอร์ไหนมีซัพพอร์ตภาษาไทยด้วยยิ่งสะดวก

3.สเปรดจะต้องไม่สูงจนเกินไปในคู่เงินหลัก เช่น EUR/USD , USD/JPY , AUD/USD , USD/CHF สเปรดที่ดีควรจะอยู่ในช่วง 1 – 1.8 Pip ต้นทุนในการเทรดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือค่าสเปรดและค่าคอมมิชชั่น เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายตรงนี้การเลือกโบรกเกอร์ที่สเปรดต่ำๆไว้ย่อมดีกว่า

4.เรทการฝากถอนจะต้องไม่ห่างกันเกินไป เช่น เรทฝากเงิน 1 : 30.55 และ เรทถอนเงิน 1 : 30.40 นั่นแปลว่า ถ้าฝากเงิน 100 USD จะใช้เงิน 3,055 บาท และเวลาถอนเงิน 100 USD จะได้รับ 3,040 บาท ส่วนต่างคือ 15 บาท แบบนี้ถือว่ายอมรับได้ แต่ถ้าเจอเรทฝาก 34 บาท เรทถอน 32 บาท แบบนี้แนะนำว่าไม่ควรใช้บริการเพราะขาดทุนจากเรทฝากถอนเยอะเกินไป

5.ช่องทางการฝากถอน แน่นอนว่าโบรกเกอร์ที่ดีควรจะมีช่องทางการฝากถอนที่หลากหลาย เพื่อความสะดวกของลูกค้า ยิ่งเป็นโบรกเกอร์ที่ทำการตลาดในประเทศไทย ควรจะมีการเชื่อมต่อฝากเงินผ่านระบบธนาคารออนไลน์ได้เลย และสำคัญคือการฝากถอนต้องมีความรวดเร็วด้วย การฝากเงินควรจะเข้าภายใน 30 นาที ดีสุดคือเข้าทันที ส่วนการถอนได้เร็วๆก็ยิ่งดี โบรกเกอร์ที่ให้บริการกับคนไทยส่วนใหญ่จะรับประกันการถอนไม่เกิน 24 ชั่วโมง แต่อาจจะมีบางโบรกเกอร์ใช้เวลา 1-3 วันทำการ แต่ก็ไม่ควรเกินนี้

6.ระบบการซื้อขายต้องรวดเร็ว ไม่ค้าง ไม่ปฏิเสธคำสั่ง โบรกเกอร์ที่ดีจะต้องซื้อขายได้แม้ว่าช่วงนั้นๆการซื้อขายจะหนาแน่นหรือเป็นช่วงเวลาที่มีการประกาศข่าวสำคัญๆ ถ้าเพื่อนๆนักลงทุนกดซื้อขายไม่ได้ในช่วงเวลาที่ต้องการก็อาจเสียโอกาสในการทำกำไร

7.มีแพลตฟอร์มการซื้อขายที่สะดวกและหลากหลาย แพลตฟอร์มที่นิยมและโบรกเกอร์ทุกที่ควรจะมีคือ MT4 ถือเป็นแพลตฟอร์มพื้นฐาน สามารถหา Indicator , EA มาใช้งานร่วมได้ง่ายที่สุดและมีวีดีโอแนะนำการใช้งานใน Youtube ค่อนข้างเยอะ บางโบรกเกอร์จะมี MT5 และ Ctrader เพิ่มเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนด้วย

8.รีวิวจากผู้ใช้จริง อาจจะเลือกใช้จากเพื่อนแนะนำหรือหาอ่านตามเว็บคอมมิวนิตี้ pantip สื่อโซเชียล กลุ่ม Forex ต่างๆใน Facebook โบรกเกอร์ไหนดีไม่ดี สอบถามจากผู้ที่ใช้งานจริงๆกันไปเลยก็เป็นอีกวิธีการในการเลือกใช้งานโบรกเกอร์